เปิดศักราชใหม่ 2021 ใครก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองยกมือขึ้น ผู้เขียนเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตั้งเป้าหมายอย่างแรงกล้าว่าจะลดน้ำหนักปรับ ตัวเองจากไซส์ XL เป็น M แต่การออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายรูปแบบแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับคนแบบเราที่ไม่ชอบวิ่ง แถมไม่อยากใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกายหรือว่าการเดินคือคำตอบ?
ลดน้ำหนักด้วยการเดินเวิร์คไหม?
- การเดินออกกำลังกายได้ผลแน่นอน! ใครที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเยอะหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องกระดูกไขข้อ การเดินคือการออกกำลังกายทางเลือกที่เหมาะสม เพียงแต่การเดินนั้นจะต้องค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นและมีระยะเวลาที่นานพอ เช่น จะเริ่มต้นเดินวันละ 3 กิโลเมตร ความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือเดินช่วงเช้าวันละ 30 นาทีทุกวัน สัปดาห์ต่อไปก็เพิ่มเป็น เดิน 45 นาทีเป็นต้น
ข้อดีของการเดิน
- ในขณะที่การออกกำลังกายแบบอื่นจะอาจส่งผลให้มีความเสี่ยงในการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อมากแต่การเดินกลับลดอาการบาดเจ็บเพราะคือการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ! แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์สามารถเดินได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ระหว่างทางเดินไปทำงาน บริเวณคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด
ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
- การออกกำลังไม่ว่าด้วยวิธีไหนต้องอย่างสม่ำเสมอ การเดินนั้นก็เช่นกันความถี่ในการออกกำลังกายให้ได้ผลจะต้องออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที คุณสามารถแบ่งเวลาในแต่ละวันเพื่อให้ครบ 150 นาที
หากวันไหนไม่ว่างก็ทดไปวันถัด ๆ ได้โดยที่ต้องเคร่งครัดตามจำนวนเวลาที่วางแผนไว้
ข้อควรระวังในการเดินออกกำลังกาย
1. ระวังเส้นทางที่เปลี่ยว
- ควรศึกษาเส้นทางก่อนเดิน เลี่ยงเส้นทางเปลี่ยวไม่มีคน หรือมีสุนัขดุ
เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายแก่ตนเอง
2. ใส่รองเท้าที่เหมาะสม
-ควรสวมรองเท้าผ้าใบเพราะจะช่วยให้เกิดการยืดหยุ่นได้ในขณะออกกำลังกายและยังช่วยลดแรงกระแทกขณะออกกำลังกายได้อีกด้วย เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะออกกำลังกาย ควรเป็นเสื้อผ้าที่ยืดหยุ่นได้ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ชุดออกกำลังกาย
3. ไม่เดินในช่วงเวลาที่ร้อนจัด
- เลือกเดินในตอนเช้าหรือตอนเย็นที่อากาศกำลังเย็นสบาย หากเดินในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดมากเกินไปอาจเป็นลมได้
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- การเดินเหมือนไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายแต่แท้จริงแล้วนั้นมีการเผาผลาญเกิดขึ้นตลอด คอยจิบน้ำเรื่อยๆ
5. ฟังเสียงร่างกายตนเอง
- หากระหว่างเดินเกิดอาการหน้ามืดหรือเจ็บขา ให้หยุดพักทันที อย่าฝืน
Comments