เตรียมส่งท้ายปี 2020 ด้วยโปรเจกต์ภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์ ที่จะมาสร้างความระทึกขวัญ นั่งจิกเบาะ ลุ้นไปกับเรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้ ใน “RUN มัมอำมหิต” ที่เล่นกับความสงสัย และสัญขาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ เปิดตัวคะแนนคำวิจารณ์เต็ม 100% จาก Rotten Tomatoes และด้วยไอเดียอันชาญฉลาด บวกฝีมือการกำกับของ “อานีช ชาแกนตี้” ผู้กำกับเจ้าของผลงานสุดเซอร์ไพรส์ อย่าง Searching ที่ได้รับคำชมไปอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ RUN กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะมายกระดับความระทึกขวัญให้กับวงการภาพยนตร์
“RUN มัมอำมหิต” คือโปรเจกต์ระทึกขวัญที่เล่าถึง โคลอี้ เด็กสาวพิการที่ไม่สามารถเดินได้เอง เธอต้องอาศัยวีลแชร์ แต่วันหนึ่งเธอกลับค้นพบความจริงอันน่าขนลุกบางอย่าง ของ ไดแอน แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาตลอด 17 ปี ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากอันตราย คือเธอต้อง “หนี” ไปให้พ้น
Run มีที่มาอย่างไร?
อานีช ชาแกนตี้ : วันหนึ่งผมเห็นพาดหัวข่าว เกี่ยวกับผู้พิการถูกทำร้ายโดยคนใกล้ชิด ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า “ถ้ากลับให้เหยื่อที่อยู่ในพาดหัวนั้นให้กลายเป็นฮีโร่ล่ะ” เรื่องราวจะเป็นยังไง ผมเริ่มจับมันบิด จนตระหนักได้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ มันเหมือนหนังโอลด์สคูลสไตล์ฮิทช์ค็อก เป็นหนังเขย่าขวัญที่่น่าสนใจ จนรู้สึกได้ว่าจะเป็นโปรเจกต์ต่อไปของผม ผมมองหนังเรื่องนี้เป็นสยองขวัญ ตัวละครโคลอี้ก็เหมือนผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย เธอคือผู้พิการที่ต้องรับมือกับความน่าขนลุก โดยไม่หลุดไปจากชีวิตจริงที่ผู้พิการต้องเผชิญ ผมใช้เวลาศึกษาเยอะมาก ผมขอคำแนะนำจาก เคียร่า (เคียร่า อัลเลน รับบท โคลอี้) ใช้มุมมองของเธอเป็นมุมมองของโคลอี้ ให้เธอเขียนความคิดของเธอลงสมุดให้ผมไปใช้ปรับให้เข้ากับบท เช่นเดียวกับการแต่งห้องของโคลอี้ เราใช้ความพิการของตัวละครนำเป็นปัจจัยหลักในการแต่งห้องของเธอ
การทำงานกับ ซาราห์ พอลสัน เป็นอย่างไรบ้าง?
อานีช ชาแกนตี้ : ซาราห์ พอลสัน รับบท ไดแอน เธออาจเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดที่ผมอาจจะมีโอกาสร่วมงานด้วยในชีวิต ตอนที่เราเริ่มทำงานผมถามเธอว่าเธออยากอ่านประวัติตัวละครนี้ที่ผมเขียนขึ้นมาหรือเปล่า? หรือเธออยากปั้นขึ้นมาใหม่ของเธอเอง เธออยากอ่าน และให้ผมส่งที่ผมเขียนทั้งหมดไปให้เธอ กลายเป็นว่าผมเขียนประวัติตัวละครด้วยฟอนท์ขนาดสิบ หนา 15 หน้า มีทั้งเรื่องตัวเธอ แม่เธอ คุณย่าของเธอ ทุกรายละเอียดเล็กๆ ในชีวิตเธอ ที่ไม่ปรากฏในหนัง แต่มันสะท้อนออกมาในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ข้าวของในห้องนอนของเธอ ในบ้าน อะไรพวกนั้น ผมเขียนมันแล้วส่งให้ซาราห์ ผมจำได้ว่าผมใช้เวลา3-4วัน ง่วนอยู่กับประวัติตัวละคร เธอยิงคำถามให้ผมประมาณว่า อดีตของมันเกิดอะไรขึ้นตรงนี้? มันเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น? เราช่วยกันปรับให้มันเข้าที่ ซาราห์เป็นนักแสดงที่เก่งมาก ประสบการณ์เธอล้นเหลือ คุณรู้เลยว่าสิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือซึมซับสิ่งที่คุณเขียนลงไป
ทำไมคุณถึงเลือก เคียร่า อัลเลน ผู้ใช่วีลแชร์ตัวจริงมารับบทนี้?
อานีช ชาแกนตี้ : ผมอยากเลือกคนที่ต้องใช้วีลแชร์ในชีวิตจริง ไม่ใช่คนปกติต้องมาเล่นเป็นตัวละครพิการ แต่เป็นการหานักแสดงพิการมาเล่นบทคนพิการจริงๆ มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีนะแต่กลายเป็นว่าคนอื่นเขาไม่ทำกัน ซึ่งแปลว่าการค้นหานักแสดงที่ใช่มันยากมาก เราประกาศหานักแสดงหลายที่เลย ริช เดเลีย หัวหน้าฝ่ายคัดเลือกนักแสดงของเราโชว์ฝีมือขั้นเทพ เขาประกาศหาที่โรงเรียนภาคค่ำ โรงเรียนคนพิการ ทั้งเฟซบุ๊ก บอกต่อกันปากต่อปาก จู่วัน ๆ หนึ่งเราได้เทปออดิชั่นจากสาวน้อยที่ชื่อว่าเคียร่า อัลเลน เธอถ่ายมันในหอพักของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผมจำได้ว่าผมคิดว่านี่เยี่ยมเลย เธอดูเป็นธรรมชาติมาก ดูไม่ออกเลยว่าเป็นดารา ไม่มีความเป็นฮอลลีวู้ด แค่เด็กสาวธรรมดา ผมโทรหาเธอ ให้เธอลองปรับการแสดงนิดหน่อย เธอส่งเทปกลับมา เราชอบมันมาก อีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมาเธอบินหามาผมพร้อมซาราห์ พอลสัน ซึ่งเป็นดาราที่เธอปลื้ม มันเหมือนจู่ๆ เราเอาคนที่ไม่เคยเล่นอะไรมาก่อนเลย จับเธอมาเป็นดารานำ นั่นเป็นข้อดีอย่างนึงในการทำหนังเรื่องนี้ คือการได้เห็นอะไรแบบนั้นมันสาแก่ใจมาก เราตั้งใจที่เลือกนักแสดงที่ไม่มีทางได้นำแสดงในหนังปกติทั่วไป นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่ Searching (นำแสดงโดย จอห์น โชว์) แล้ว ถึงแม้ Lionsgate จะสนับสนุนไอเดียนี้แต่ก็ยังมีดาราวัยรุ่นของดิสนีย์หลายคนเข้าคัดเลือก เพื่อรับบท โคลอี้
อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Run และ Searching โปรเจคต์ที่ผ่านมาของคุณ?
อานีช ชาแกนตี้ : ผมรู้สึกเหมือนว่า RUN เป็นภาพสะท้อนของ Searching เหมือนกันที่หนังเรื่องต่อไปของเรา จะเป็นภาพสะท้อนของ RUN ใน Searching เราเล่าด้วยเทคโลโนยีจัดๆ ซับซ้อน บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นแค่กิมมิค ผมขอใช้คำว่าซับซ้อนแล้วกัน มันมีลูกล่อลูกชนเต็มไปหมด ปั่้นหัวคนดู หลากหลายองค์ประกอบเกิดขึ้นพร้อมกัน สำหรับผม ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักทำหนัง ว่าผมสามารถทำหนังที่เล่าด้วยวิธีมาตรฐานได้ สิ่งที่ผมอยากทำคือแทนที่จะกระโดดจาการทำหนังทุนต่ำ ไปทำหนังทุนสูงระดับ 40 ล้านเหรียญ ผมขอเลือกก้าวเล็กๆ ก่อน ดูว่าผมสามารถทำหนังเล็กๆ ที่น่าติดตาม ด้วยคงความระทึกและความตื่นเต้นแบบ Searching ไว้ได้ไหม ต่างกันแค่คราวนี้ใช้ตัวละครแค่คนหรือสองคน บ้านหลังเดียว และพื้นที่จำกัด
ได้ยินมาว่าคุณป่วยหนักในช่วงเปิดกล้อง คุณผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างไร?
อานีช ชาแกนตี้ : ผมถือว่าการทำงานในหนังเรื่องนี้คือไฮไลท์ของอาชีพผมเลยนะ ผมได้ประสบการณ์ไม่มีทางลืมเลย มันทำให้ผมเห็นความสำคัญของคนใกล้ตัว ตอนที่เราเริ่มถ่ายในวินนิเพ็ก ผมปวดท้องจนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าผมเป็นโรคทางเดินอาหาร หมอสั่งให้ควบคุมอาหารโดยใช้สูตร FODMAP อย่างน้อยสามเดือน ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยถ้าต้องอยู่ในกองถ่าย ทีมสวัสดิการกองไม่สามารถจัดอาหารที่ผมต้องการไปพร้อมกับเพื่อปากท้องของทีมงานอีกกว่าร้อยชีวิตได้
โชคดีที่ได้แม่ของผมเป็นลมใต้ปีก ตอนที่ผมเล่าให้แม่ฟังเรื่องการไดเอตของผม เธอขึ้นเครื่องบินตรงมาที่วินนิเพ็กทันที เธออยู่กับเราตั้งแต่เปิดกล้องจนปิดกล้อง เธอทำให้อาหารให้ผมทานทุกมื้อเธอเหมือนเป็นทีมงานเราคนนึงเลย เธอดูแลลูกที่ป่วยแต่ผลลัพธ์มันออกมาตรงกันข้ามกับหนังที่ผมทำเลยล่ะ
ช่วยเกริ่นถึงความระทึกที่ผู้ชมจะได้รับระหว่างการรับบทชมเรื่องนี้หน่อย
อานีช ชาแกนตี้ : Run คือหนังเขย่าขวัญลุ้นจิกเบาะสไตล์ดั้งเดิม คงความเขย่าขวัญตั้งแต่เฟรมแรกถึงเฟรมสุดท้ายของเรื่อง หนังเรื่องนี้ไม่มีจังวะพัก เป็นอย่างนี้ตลอด 90 นาที ผมจำได้ว่าตอนฉายรอบทดลอง คุณเห็นรอยบนที่วางแขนเลย เหมือนมือเหงื่อออกเพราะเกร็งไปหมด คนดูบอกผมว่า ‘ฉันกลั้นหายใจตลอด 90 นาทีเลย’ นั่นคือความตั้งใจของเรา ก็การเล่าเรื่องด้วยองค์ประกอบไม่กี่อย่าง บ้านหนึ่งหลัง สองตัวละคร แต่ยังคงทำให้หัวใจคุณเต้นเร็ว ถ้านั่นเป็นเป้าที่เราตั้งไว้ ผมคิดว่าเราทำได้ตามเป้าเลยล่ะ ถ้าคุณอยากรู้ว่ากลั้นหายใจได้นานขนาดไหน หนังเรื่องนี้น่าจะเหมาะให้คุณได้ลอง
แฟน ๆ ชาวไทยพร้อมยัง? ปักวันไว้เลย 26 พฤศจิกายนนี้ เตรียมหนีความอำมหิตไปด้วยกันกับ “RUN มัมอำมหิต” ในโรงภาพยนตร์
Comments