จัสติน ฟาชานู โศกนาฏกรรมลูกหนังสีรุ้ง - Mixmaya.Com
  • Home
  • sport
  • จัสติน ฟาชานู โศกนาฏกรรมลูกหนังสีรุ้ง
จัสติน ฟาชานู โศกนาฏกรรมลูกหนังสีรุ้ง

จัสติน ฟาชานู โศกนาฏกรรมลูกหนังสีรุ้ง

หากจะกล่าวถึงฟุตบอลอาชีพ คุณอาจจะนึกถึงการแข่งขันเตะลูกกลม ๆ ของเหล่าชายหนุ่มที่มีเงินรางวัลมหาศาล พร้อมด้วยชื่อเสียงมากมาย หากคุณสามารถไต่ขึ้นไปสู่จุดสำเร็จข้างบนได้  วันนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปในช่วงยุค 70's ตอนปลาย กลับไปสู่ฟุตบอลที่ค่าตัวนักเตะ 1 ล้านปอนด์ถือเป็นสถิติสูงมาก และสังคมยังที่ยังคงไม่เปิดรับในด้านของเพศทางเลือก

เรื่องราวในวันนี้ถือว่าเป็น โศกนาฏกรรมครั้งหนึ่งในวงการฟุตบอล ย้อนกลับไปในปี 1961 ในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นทนายความ และ แม่ที่เป็นนางพยาบาล พร้อมด้วยลูกน้อยทั้ง 4 คน พวกเขาเป็นชาวไนจีเรีย ที่ทำงานอยู่ในประเทศอังกฤษ เมื่อครั้งครอบครัวมีปัญหากันถึงขั้นพ่อแม่แยกทางกัน ทำให้ จัสติน และ จอน ฟาชานู 2 เด็กน้อย ต้องไปอยู่ในอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และแน่นอนการถูกทอดทิ้งนั้นสร้างบาดแผลในใจให้กับเด็กทั้ง 2 และเมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ ก็ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากครอบครัวชาวอังกฤษ เบ๊ทตี้ แจ๊คสัน คือคนที่อุปการะเลี้ยงดู จัสติน และ จอน พวกเขาเล่าว่า " ในตอนนั้นทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคอยแวะเวียนมาเพื่อดูว่า ฉันสามารถเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้ไหม ท้ายที่สุดพวกเขาก็ตกลง และเราก็ได้รับเลี้ยงเด็กผิวสี 2 คน " ในยุคนั้นการเหยียดสีผิว และการเหยียดเพศ ยังคงมีให้เห็นอย่างกว้างขวาง ไม่มีการเปิดรับมากนัก จัสตินเล่าให้ฟังว่า " ผมเริ่มรู้สึกว่า ผมโดนล้อเลียนเรื่องสีผิว เมื่อตอนผมอายุราว 12 ปี เป็นช่วงที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่ นอริช และต้องอยู่กับเพื่อนผิวขาว ผมมักแตกแยก และเจอปัญหาในการแข่งขันฟุตบอลกับโรงเรียน เพราะพวกเขามักจะพากันล้อถึงสีผิวของผม " แน่นอนว่าในสมัยนั้น การที่คุณเกิดมามีผิวดำ คุณจะใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก มีทั้งการตั้งลัทธิต่าง ๆ แบ่งแยก และเหยียดสีผิว คุณสามารถเดินอยู่ดี ๆ แล้วมีคนมาตีหัวคุณ แล้วด่าคุณว่า ไปตายซะไอมืด
จัสติน เริ่มต้นการเป็นนักเตะให้กับเมืองที่เขาอยู่ นอริช ซิตี้ เขาต้องเจอการเหยียดผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตะโกนด่าท่อ หรือการปากล้วยใส่เขา ทันทีที่ลงจากรถบัสเมื่อต้องไปเยือนสนามต่าง ๆ หลังจากเล่นให้ นอริชได้เพียง 2 ปี จัสตินก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุด -21 และสร้างผลงานไว้อย่างดีเยี่ยมด้วยการลงเล่น 11 นัด ยิงไป 5 ประตู เส้นทางในการค้าแข้งของหนุ่มน้อยวัย 19 ปี ช่างกำลังหอมหวานจริง ๆ

และสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาก็มาถึง ด้วยการติดต่อซื้อตัวของเขาให้ไปร่วมทีม น๊อทติ้งแฮม ฟอเรส ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอน์ ซึ่งถือว่ามหาศาลมาก ๆ ในสมัยนั้น กับนักเตะวัย 20 ปี การย้ายมาร่วมทีมฟอเรส ที่ในขณะนั้น คับคั่งไปด้วยดาวดัง และด้วยค่าตัวที่สูงขนาดนั้น สิ่งที่ จัสตินต้องแบกรับไว้ก็คือความกดดันมหาศาล ความคาดหวังในการถล่มประตูของคุณ แต่แล้วผลงานกลับไม่เป็นไปดั่งใจ ในการลงเล่นให้กับฟอเรสไป 32 นัด จัสตินสามารถทำได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น ทำให้ทั้ง แฟน ๆ และทีมงาน ที่ต่างก็คาดหวังกับนักเตะค่าตัว 1 ล้านปอนด์อย่างเขา นับเป็นช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขา " พวกเขามักจะวิจารณ์ผมอย่างหนัก ว่าจริง ๆ แล้ว ผมอาจจะเก่งแค่การใช้ชีวิตแบบเพลย์บอย มากกว่าการเตะฟุตบอลก็ได้ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่จริง " จัสตินกล่าว

และแน่นอนเมื่ออยู่ในช่วงขาลงของคุณ เรื่องราวของคุณมักจะถูกตามขุด ตามสืบ จนมีแหล่งข่าวแจ้งว่า มีคนพบเห็น จิสติน ฟาชานู นักเตะของฟอเรส มาเที่ยวในบาร์เกย์แห่งหนึ่งของเมือง นอทติ้งแฮม สื่อพากันประโคมข่าวนักฟุตบอลชื่อดังเที่ยวบาร์เกย์ เขาเป็นเกย์หรือ ? จนสุดท้าย ไบรอัน คลัฟ กุนซือของทีมจัดการพักงานนักเตะรายนี้ จัสตินพยายามจะกลับไปฝึกซ้อม เขาคิดว่าเขาจำเป็นจะต้องซ้อมอย่างหนัก เพื่อเรียกความฟิต และฟอร์มกลับมา แต่ เขาก็จะเจอตำรวจคอยไล่ให้ออกไปจากสนาม ซึ่งมันเจ็บปวดมาก

หลังจากหมดอนาคตกับทางฟอเรส จัสตินได้เดินทางกลับไปที่ประเทศไนจีเรีย เพื่อตามหาพ่อของเขา และเมื่อเขาได้พบกัน สื่อกลับลงไปว่า พ่อได้ทอดทิ้งเขาไว้ที่อังกฤษ ซึ่งจัสตินบอกว่าเขาไม่เคยพูดแบบนั้น แม้เราจะมีเวลาคุยกันไม่มากนัก แต่เขายืนยันได้เลยว่าเขาไม่เคยพูดแบบนั้น

จัสติน ได้พยายามเริ่มเส้นทางในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง เขาพยายามไล่ตามความสำเร็จ และชื่อเสียงที่เขาเคยได้รับ แต่ก็มักไปได้ไม่สวยนัก จัสตินต้องย้ายสโมสรถึง 18 สโมสร ในช่วงเวลา 12 ปี ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับนักเตะระดับอาชีพ เรื่องราวเริ่มบานปลายเมื่อมีการออกมาเปิดเผยของสื่อว่า วุฒิสมาชิกของอังกฤษแอบมีสัมพันธ์สวาทกับนักฟุตบอลเกย์ชื่อดัง สื่อตั้งเป้าไปที่จัสติน ก่อนที่จะตัวจะออกมายอมรับผ่านเดอะซัน หนังสือพิมแท๊บลอยชื่อดังของอังกฤษว่า มันเป็นความจริง จัสตินได้ให้สัมพาษณ์กับสื่อว่า เขานั้นเป็นเกย์ และบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยก่อนหน้าที่จะไปสัมพาษณ์นั้น จอน ฟาชานู น้องชายของเขาที่กำลังโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นบนเส้นทางสายฟุตบอลเช่นกัน ติดต่อว่า จะให้เงินเขา 70000 ปอนด์ แลกกับการที่เขาไม่ต้องให้สัมพาษณ์ใด ๆ 

จัสตินต้องร่อนเร่ไปเรื่อย เขาไปรับหน้าที่เป็นโค้ชฝึกสอนฟุตบอลให้กับเด็ก ๆ ที่สหรัฐอเมริกา จัสตินบอกว่า นี่คืองานที่เขาชอบนะ เขามีความสุขเวลาที่ได้สอนให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกับฟุตบอล ได้เรียนรู้กับมัน แต่เขาก็มักจะเจอเสียงนินทาว่าร้ายเขาต่าง ๆ นา ๆ และคนที่เกี่ยวข้องกับในทีมเมื่อรับรู้ว่าเขาเป็นเกย์ ก็มักจะพูดว่า อย่าให้เขาเข้าใกล้เด็ก ๆ นะ อย่าให้เขาอยู่ในชุมชนเดียวกับพวกเรา
จนกระทั่งในเดือน มีนาคมปี 1998 จัสติน ถูกกล่าวหาว่างล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายวัย 17 ปี หลังจากมีการสืบสวนโดนตำรวจก็สรุปที่จะออกหมายจับเขา " เราอยู่ด้วยกัน ทั้งดื่มกิน เต้นรำ อย่างสนุกสนาน ผมจำได้ว่าผมเผลอหลับตรงโซฟา รู้ตัวอีกทีผมก็มาตื่นในห้องนอนของเขา และผมก็ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลย และ จัสตินกำลังทำอะไรบางอย่างกับท่อนล่างของผม ผมแค่ต้องการความยุติธรรม " เด็กหนุ่มวัย 17 กล่าว เด็กคนนี้อายุเพียง 17 ปี เท่านั้น และเขาได้ไปปาร์ตี้เดียวกันกับที่ฟาชานูไป จากการสืบสวนคาดว่า เขาโดนจัสตินวางยานอนหลับ พร้อมทั้งข่มขืนเขาด้วย 
จอน ฟาชานู น้องชายเล่าว่า " วันนั้นจัสตินโทรมาหาผม แล้วเขาก็พูดว่า ฉันติดคุกไม่ได้นะ จะให้ฉันติดคุกไม่ได้ ให้ฉันไปอยู่ในกรงเหมือนสัตว์แบบนั้นไม่ได้นะ " 

และในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 ก็มีการแจ้งว่า พบศพจัสติน ฟาชานู อดีตนักฟุตบอลชื่อดังวัย 37 ปี เสียชีวิตด้วยการแขวนคอตัวเองในโรงรถที่ลอนดอนแถบตะวันออก ตำรวจสรรนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากอาการเครียดเรื่องคดีของเจ้าตัวทำให้เขาตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเอง ปิดตำนานนักฟุตบอลเกย์คนแรก ที่กล้าออกมายอมรับว่า ผมเป็นเกย์ แต่แล้วกลับถูกสังคมในขณะนั้นที่ยังไม่เปิดกว้างยอมรับเรื่องเพศทางเลือก เขาต้องเจอทั้งการกดดัน การดูถูกเหยียดหยาม เหมือนเขาไม่ใช่คน " ผมไม่ได้ฆ่าใคร มันคือรสนิยมของผม และผมไม่ได้บังคับข่มขืนใครด้วย แต่พวกคุณก็ตัดสินผมไปแล้ว " จัสตินกล่าวกับสื่อไว้ก่อนเสียชีวิต
หากเพื่อน ๆ ท่านไหนสนใจ ลองหาดูเรื่อง " Forbidden Games : The Justin Fashanu Story " เป็นสารคดีชีวประวัติของ จัสติน ฟาชานู นักฟุตบอลคนแรก ที่ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ หวังเพียงว่า เรื่องราวชีวิตของเขาจะทำให้ทุกคนเข้าใจในเพศทางเลือกมากขึ้น ขอเพียงเปิดใจยอมรับ โลกจะน่าอยู่ยิ่งขึ้นนะครับ


Comments

sport

VDO Update

Merigin

Related Post